Thursday, October 15, 2009

เรื่องตลกแดก ตอนที่ 1

Due to the content of the story, this particular series of posts will be offered in Thai only.

หลังจากนั่งคิดมานานว่่าจะทำซีรี่อะไรลงบล้อกดี ก็คิดมาได้หลายอย่างเหมือนกันนะ แต่เริ่มด้วยไอ้อันที่มันตลกๆ(บางคนเรียกว่าถ่อย) ก่อนดีกว่า เนื่องจากด้วยสิ่งที่พบเห็นหลายๆอย่างในชีวิตประจำวันและการคุยกะหลายๆคนพบว่า บางทีเรื่องรอบๆตัวเรามันก็ตลกดีนะ แถม ตลกแดก ซะด้วยซิ เอาเป็นว่าเรามาเริ่มตอนแรกกันเลยดีกว่า

คุณเคยสังเกตมั้ย ว่าคนเราให้ความสำคัญกะเรื่องต่างๆไม่เหมือนกัน บางคนรักครอบครัว บางคนรักเงิน บางคนก็รักหมอนวด... ถ้าคุณเกิดไปกระทำการล่วงเกินพวกเขาเหล่านี้ในอาณาเขต นั้นละก็ เขาจะเกิดอาการ กระตุก ช็อค หงิก งอน(เงียบไม่พูด เดินหนี Sign Out MSN หรือ ทำเป็นไม่อยู่หน้าคอมทั้งๆที่จิงๆนั่งเอามือกุมหัวอยู่)และอื่นๆทันที

ยกตัวอย่างคือ หากคุณอยู่ๆ พูดว่า "แฟนมึงหน้าถ่อยว่ะ" แน่นอน คุณอาจถูกชก กระทืบ แทงหรือยิงหัวได้ แต่บางคนกลับบอกว่า "เออดิ.. กูรู้ แต่เลิกไม่ได้นี่หว่าจะให้ทำไง".

บางทีคุณพูดว่า "โอ้ ชีวิตนี้เราเกิดมาเพื่อใช้กรรมสินะ แค่อยู่เฉยๆก็หิวแล้ว เป็นทุกข์ ทรมาน ต้องทำบุญเยอะๆถึงจะ ได้ไปเกิดบน สวรรค์ กินอิ่มตลอด รายรอบด้วย maid รับใช้" เอาไปพูดกะฝรั่งจะได้ คำตอบกลับมาว่า "Hey dude, what the hell are you smoking lately? Gimme some." จบข่าว

หรือกรณีนี้ "เหี้ย มึงบ้าป่าววะ แต่งตัวเลียนแบบการ์ตูน ทั้งๆที่หน้าไม่ได้ แล้วซื้อของจากการ์ตูนแพงๆ เงินจะแดกยังไม่มี" แล้วคุณไปพูดกลางงานการ์ตูน รับรองว่าคงไม่ได้ออกไปดีๆแน่ จากที่คุณแต่งคิดว่าแต่งตัวปกติ คุณจะกลายเป็นคนแปลกแยกไปในทันที เพราะคนอื่นแต่งอย่างอื่นหมด อะไรนะ? ไม่รู้จักเพลง จาก อนิเมะ (ผู้ใหญ่ก็เรียกมันว่าการ์ตูนอะแหละ) เรื่องนั้น เรอะ ช่างหลังเขาซะจริงๆ!!!
ต่อไปนี้จะยกตัวอย่างชุดใหญ่ เปรียบเทียบระหว่าง คนสองคนที่รู้จัก เนื่องจากอาจจะกระทบต่อเขาเหล่านั้น จึงใช้นามสมมุติ คนนึงมีตำแหน่ง เป็นอนิเมะโอตาคุหน้าตาดี ( โอตะคุ เป็นคำที่ใช้เรียกคนที่ชอบอะไรซักอย่างนึงมากๆ แต่คนไทยส่วนใหญ่มันควาย เลยคิดว่าต้องใช้กะคนที่บ้าการ์ตูนอย่างเดียว จิงๆ ไอ้นั่งดูบอลกันอะ ก็ฟุตบอล โอตะคุชัดๆ ) อีกคน มีดีกรีเก่งกาจและเป็นที่รักของเพื่อนๆแต่จริงๆแอบสับสนในชีวิต เป็นโอตะคุศาสนาจานบิน

อนิเมะโอตาคุ VS จานบินโอตาคุ
ลบหลู่การแต่งตัวเลียนแบบการ์ตูน(Cosplay) => ลบหลู่การแต่งตัวด้วยผ้าสีเหลือง
ลบหลู่คนแต่ง Cosplay => ลบหลู่พระ
ลบหลู่การร้องเพลงการ์ตูน => ลบหลู่บทสวดมนต์
ลบหลู่การ์ตูนที่ชอบ => ลบหลู่ประวัติความเป็นมาศาสนาและโลก
ลบหลู่ ตุ้กตา และ ฟิกเกอร์ => ลบหลู่พระพุทธรูปและเหรียญบูชา
ลบหลู่งานการ์ตูน => ลบหลู่งานร่วมบุญ
ลบหลู่อะกิบะฮาร่า => ลบหลู่ธรรมกาย

ข้างบนมีคำไหนที่ยังไม่อธิบาย ลองเอาไป google ดูนะ แต่เปรียบเทียบแล้วรับรองตรงทีเดียว

สรุปเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนเราเวลาไปเจอคนที่เห็นไม่ตรงกัน ก็อย่าไปเสียใจ หรือเถียงจนจะฆ่ากันตาย มันแล้วแต่ว่าแต่ละคนคิดยังไงและแวดล้อมด้วยอะไร ถ้าสมมุติทุกคนกินขี้แทนข้าวกันหมด แล้วอยู่ๆไปเจอคนกินข้าว เราก็คิดว่ามันแปลกละว้า แล้วเวลาเจอคนมา กระทำการลบหลู่ (ต่อไปขอเรียกว่า ออฟเฟ้น ละกัน มาจากคำว่า offensive ได้ใจกว่า) ก็ไม่ต้องไปผูกใจเจ็บ กระตุกรัวๆ หรือว่าเครียดจนตัวหงิกต้องไปยิง อะปิ้วๆ ใส่หัว ถึงจะหายเกร็งล่ะ คนเรามันก็คิดต่างกันได้ ถือซะว่าไอ้ตัวที่ไม่ฟัง ไม่เห็นด้วย ไม่มีเหตุผล มันควายกว่าก็แล้วกัน

ตลกแดก = ไม่มีความหมายเป็นทางการในภาษาไทย(มั้ง) ถ้าแปลตรงๆจะแปลว่า ตลกกิน? ตลกบริโภค? แต่พูดแล้วรู้สึกสะใจดี ก็เรียกงี้ละกันนะ


2 comments:

Swit T said...

good story!
ออฟเฟนซีฟซาาาด

Kobkrit said...

Offendsive โครตตตต
อย่างน้อยโดนไปสาม-สี่คน